คำถามพิชิต สมัครสอบสัมภาษณ์

สัมภาษณ์งานแต่ละที “เอ๋ทำไม ไม่มีใครติดต่อกลับมาเลย” “คำตอบที่เราตอบไปมันไม่ได้ดีหรอ” บทความนี้จะเป็นตัวช่วยให้คุณเข้าใจกับ 10 คำถามยอดฮิต ที่แต่ละบริษัทต้องถามกัน

10 คำถาม –คำตอบ นี้เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น คำตอบที่ตอบออกไปไม่ทั้งถูกและผิด เพราะเหล่าคำถามแต่ละข้อนั้น ผู้สัมภาษณ์เพียงอยากรู้จักความเป็นตัวคุณให้มากกว่าเรซูเม่เพียงแค่กระดาษ 1 แผ่น ไม่ว่าคุณจะตอบแบบไหนล้วนสะท้อนถึงความคิด ความอ่านและทัศนคติต่างๆของตัวคุณเอง การตอบแต่ละข้อควรจะตอบในแบบฉบับความเป็นตัวคุณที่สุด ไม่ควรตอบอะไรที่แสดงถึงโอ้อวดเกินไป หรือ มีความมั่นใจเกินไป

สิ่งสำคัญทุกครั้งก่อนการไปสัมภาษณ์งาน คุณควรที่จะมีการเตรียมพร้อมและซักซ้อมให้มากที่สุด เพราะเมื่อเจอสถานการณ์จริงคุณจะได้รับมือกับการควบคุมอารมณ์ ความตื่นเต้นและความประหม่าของตัวคุณเองที่จะเกิดขึ้นได้  “การเตรียมตัวที่ดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งเสมอ....”

1)เล่าอะไรมาคร่าวๆเกี่ยวกับตัวคุณให้ฟังหน่อย...

คำถามนี้ผู้สัมภาษณ์ไม่ได้ต้องการฟังประวัติของคุณตั้งแต่เข้าเรียนจนจบ มหาวิทยาลัย แต่ผู้สัมภาษณ์อยากจะรู้เพียงว่าเมื่อคุณเรียนจบมาแล้วและเริ่มทำงานกับ บริษัทแห่งหนึ่ง สิ่งที่คุณได้รับจากบริษัทเดิมมีอะไรบ้าง คำถามนี้คุณควรใช้เวลาตอบเพียง 2 -3 นาที ตอบแบบกระชับ ให้ได้ใจความที่สุด พร้อมยกตัวอย่างประกอบ เช่น “หลังจากเรียนจบด้านการตลาด และเริ่มทำงานกับบริษัทการตลาดแห่งหนึ่ง ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานกันเป็นทีม ก่อนการทำงานทุกครั้งต้องวางแผนอยู่เสมอ และ ต้องแข่งขันกับเวลาที่จำกัดอยู่เสมอ รวมถึงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ สิ่งเหล่านี้ล้วนสอนผมมา จึงทำให้ผมมักจะได้รับมอบหมายดูแลงานโปรเจคใหญ่อยู่เสมอ” แต่ถ้าคุณเป็นนัก ศึกษาจบใหม่ ไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อน คุณสามารถพูดถึงกิจกรรมนักศึกษาที่คุณเคยทำมาได้เหมือนกัน

2)ทำไมคุณถึงลาออกจากงานเก่า

ควรตอบด้วยความเป็นจริงให้มากที่สุด สั้นๆ กระชับ ให้ได้ใจความพร้อมกับเหตุผลประกอบ และถ้าการออกจะที่เก่ามันเลวร้ายมากๆ คุณก้อไม่ควรจะบอกกับผู้สัมภาษณ์งาน อย่าลืมว่าผู้สัมภาษณ์อาจขออนุญาตติดต่อกลับบริษัทเก่าเพื่อทำการตรวจสอบ ข้อมูลเหล่านั้นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงที่สุดสำหรับการตอบคำถามนี้คือ การวิจารณ์ที่ทำงานและเจ้านายเก่าเพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ภาพลักษณ์ของคุณ ดูแย่และนั่นหมายถึงโอกาศที่คุณจะได้งานนี้ย่อมจบลงเช่นกัน

3)คุณรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเราบ้าง

ก่อนจะเข้ามาสัมภาษณ์คุณจำเป็นที่ต้องทราบและเข้าใจในข้อมูลต่างๆที่เกี่ยว กับข้องกับตัวบริษัทไม่ว่าจะเป็น ประวัติความเป็นมาขององค์กร วัฒนธรรม วิสัยทัศน์ ภาพลักษณ์องค์กรรวมถึงตัวสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทซึ่งข้อมูลเหล่านี้ คุณสามารถค้นหาได้ตามหน้าเว็ปไซค์ของบริษัทนั่นเอง คุณอาจจะโทรเข้ามาสอบถาม กับทางประชาสัมพันธ์ของบริษัทนั้น เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับตัวบริษัท  และถ้ามีเพื่อนๆที่ทำอยู่ก้อสามารถสอบถามข้อมูลได้เหมือนกันการที่การที่คุณ ได้มีเตรียมตัวหาข้อมูลก่อนไปสัมภาษณ์มันแสดงให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าคุณ ตั้งใจที่จะเขามาทำงานที่บริษัทแห่งนี้

4) ทำไมคุณถึงมาสมัครงานกับบริษัทเรา

คำถามนี้จะเป็นอะไรที่ง่ายมากๆ ถ้าคุณได้มีการค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวองค์กรมาพอสมควร การตอบคำถามทุกครั้งควรตอบอย่างมีเหตุมีผลเช่น

“ตอนที่ผมได้เรียนอยู่ และได้ทราบว่าจากรุ่นพี่เกี่ยวกับบริษัทแห่งนี้ที่ได้เปิดโอกาสให้กับนัก ศึกษาจบใหม่ ได้เข้าทำงาน ซึ่งคิดว่าเป็นโอกาศที่ดี ที่ผมจะได้เรียนรู้ และเพิ่มความสามารถให้กับตัวผม”

“ช่วงที่ผมได้ทำงานบริษัทเก่าอยู่ ผมได้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทนี้ที่ได้เปิดโอกาสให้กับพนักงานทุกคนพิสูจน์ ความสามารถ และโปรโมตตัวเอง เพื่อเลื่อนขั้นได้ครับ”

5) ตามความเข้าใจของคุณ คิดว่าตำแหน่งนี้ต้องรับผิดชอบงานอะไรบ้าง

คุณควรทำการบ้านก่อนมาสัมภาษณ์ด้วยการอ่านรายละเอียดของตำแหน่งงานและ คุณสมบัติต่างๆที่ทางบริษัทต้องการทำความเข้าใจกับมัน ตอบให้สั้นและกระชับใจความ สิ่งสำคัญก่อนตอบต้องมั่นใจว่าเข้าใจถ้าไม่แน่ใจส่วนไหนไม่ต้องกลัวที่จะถาม อาจตั้งคำถามกลับในทำนองว่าเข้าใจตำแหน่งงาน แต่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับข้อมูลกลุ่มลูกค้า และผลิตภัณฑ์มากนักอยากให้ช่วยอธิบายให้เข้าใจในเบื้องต้นและ ถ้าไม่รู้ อย่าพยายามตอบ เพราะถ้าตอบผิด นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้ทำการบ้านมาไม่ได้ให้ความสนใจกับงานนี้ แถมยังมั่วอีกต่างหาก

6)ถ้าคุณได้มาทำงานกับบริษัทคุณคิดจะทำอะไรให้กับบริษัทมากที่สุด

คำถามนี้แสดงถึง ความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถความชำนาญของตัวคุณเองการตอบคุณควรตอบอย่างมั่นใจคำตอบที่คุณตอบ ไปสามารถบ่งบอกถึงความตั้งใจจริงในการทำงานและความสามารถของตัวคุณเอง ไม่ว่าวิธีการคิดของคุณที่จะนำมาใช้กับบริษัทได้หรือไม่นั้น แต่ขอให้คุณ ใช้ประสบการณ์และ ความรู้ที่เรียนมาตอบออกไป

7) งานอดิเรกที่คุณทำเป็นประจำมีอะไรบ้าง

คำถามประเภทนี้ผู้สัมภาษณ์ต้องการจะดูด้านอุปนิสัย บุคลิกภาพ ของตัวผู้สมัครว่า เป็นคนอย่างไร และยังสามารถรู้ถึงความคิด ความอ่าน การสังเกตุ และการเข้าร่วมกับคนอื่นๆ

“ผมชอบอ่านข่าว คุณก้อจะถูกถามถึงเหตุการณ์ ณ.ปัจจุบันว่าเกิดอะไรขึ้นคุณมีความคิดเห็นต่อข่าวนี้ยังไงบ้าง”

“ผมชอบเล่นกีฬา กีฬาที่เล่น เพราะอะไรทำไมถึงชอบเล่นกีฬาประเภทนี้คุณได้อะไรจากการออกกำลังกายบ้าง”

8) อะไรคือ จุดเด่น/จุดอ่อนของคุณ

จุดเด่นควรจะบอกอะไรที่คิดว่าดีที่ สุดในตัวเรา และสามารถนำความสามารถนั้นมาใช้กับงานที่จะสมัครได้ เช่น“ผมเป็นคนไม่ชอบหยุดนิ่ง เนื่องจากชอบ ชอบทำกิจกรรมใหญ่ๆอยู่เสมอ”

        จุดอ่อนควรจะบอกในสิ่งที่ตัว เองกำลังจะปรับปรุงหรือทำแล้ว ณ.ขณะนั้น และควรบอกถึงผลหลังการปรับปรุงด้วยเช่น“ภาษาอังกฤษของผมอ่อนมากๆซึ่งตอนนี้ ผมกำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ เรียนมาได้ 4 เดือนแล้ว และผลการเรียนนี้เอง ทำให้ผมสามารถโต้ตอบจดหมายที่เป็นภาษาอังกฤษได้”

9) คุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่

เป็นเรื่องที่ยากในการตอบคำถามประเภทนี้ ไม่ว่าคุณจะเลือกเงินเดือนที่มาก หรือ น้อย ย่อมส่งผลกระทบต่อตัวเราทั้งสิ้น ทางที่ดี ในการตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องเงินเดือนนี้เราควรจะหาข้อมูลจากทางเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ทำงานในบริษัทหรือ คล้ายกับตำแหน่งที่คุณสมัครก่อน แต่ถ้าหากผู้สัมภาษณ์เสนอเงินเดือนมาสูงหรือต่ำกว่าที่คุณตั้งไว้คุณก็อย่า เพิ่งรีบตอบตกลง คุณอาจจะขอเวลาในการพิจารณาสัก 1-2 วัน แล้วค่อยให้คำตอบก้อได้เพราะถ้าเกิดคุณตอบตกลงไปแล้ว และคุณมาขอขึ้นทีหลังก็เหมือนกับว่า คุณเป็นประเภทคนโลเลไม่น่าเชื่อถือได้

10) คุณมีข้อสงสัยอะไรอีกไหม

ถ้าเจอคำถามนี้ ย่อมหมายถึงการสัมภาษณ์ได้ใกล้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ในการตอบคำถามข้อสุดท้ายนี้ จะตอบอย่างไรดีที่จะแสดงว่า เราเป็นคนเอาใจใส่ เช่น

"ผมอยากทราบเวลา ที่แน่นอนในการทำงานของผมครับ” “สวัสดิการที่ผมจะได้รับมีอะไร”หรือ คุณอาจจะไม่ต้องการถามอะไรก็ได้เพราะถ้าคุณได้ทราบข้อมูลของบริษัทนี้มากพอ แล้วแต่ถ้าเกิดสงสัยจริงๆ ก็ควรตั้งคำถามที่ฟังแล้วดูดีและถูกใจนายจ้างของคุณให้มากที่สุด

ขอมูลจากเว็บไซต์: http://www.manpowerthailand.com

คัดลอก URL บทความนี้แบบย่อ